เผยแพร่เมื่อ : จันทร์ 11 มกราคม 2564 โดย แก้วใส โล่ห์เพ็ชร จำนวนผู้เข้าชม 716 คน
วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมถือเป็นวันเด็กแห่งชาติของประเทศไทยเรา ซึ่งในวันเด็กจะมีการทำกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุกกันมากมาย หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าวันเด็กแห่งชาติเกิดขึ้นได้อย่างไร? และมีความสำคัญกับสังคมโลกอย่างไรบ้าง? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
1. วันเด็กมีมานาน 65 ปีแล้ว!
ต้นกำเนิดของ "วันเด็ก" มาจากนโยบายขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่เริ่มจัดงานวันเด็กครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2498 ในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก เพื่อส่งเสริมให้เข้าใจเด็กและเฉลิมฉลองให้แก่เด็กๆ ไม่เพียงเท่านั้นงานวันเด็กยังถูกจัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักถึงความรุนแรงต่อเด็กในรูปแบบการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ จากวัยใสเหล่านี้และเพื่อปกป้องสิทธิเด็ก ตั้งแต่ปีแรกจนถึงปีนี้พวกเราก็ได้ฉลองวันเด็กมายาวนานถึง 65 ปีแล้ว
2. ไทยเป็น 1 ใน 40 ประเทศที่มีวันเด็ก
ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งใน 40 กว่าประเทศที่เห็นถึงความสำคัญของเด็ก โดยนายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เสนอให้ประเทศไทยควรจัดงานวันเด็กแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญและความต้องการของเด็ก นอกจากนั้นเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
3. วันเด็กปีแรกในไทย!
งาน "วันเด็กแห่งชาติ" ของประเทศไทยจัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2498 เป็นวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม ต่อมาเมื่อปีพ.ศ. 2507 เกิดเหตุขัดข้องจนทำให้จัดงานไม่ทัน เนื่องด้วยเป็นช่วงฤดูฝนรวมถึงวันราชการ พ่อแม่ผู้ปกครองจึงไม่สะดวกพาเด็กๆ เข้าร่วมงานได้ ด้วยเหตุนี้ทางการจึงมีมติเปลี่ยนวันเด็กจากเดิมวันที่ 3 ตุลาคม ไปเป็นวันเสาร์แรกของเดือนมกราคม และเริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ.2508 ซึ่งในปี พ.ศ. 2499 เกิดคำขวัญวันเด็กขึ้นมาจากนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น นั่นคือ "จอมพลป. พิบูลสงคราม" ซึ่งท่านได้มอบคำขวัญในปีแรกไว้ว่า "จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม" เป็นคำขวัญวันเด็กครั้งแรกและครั้งเดียวของจอมพล ป.
4. กิจกรรมวันเด็ก
งานวันเด็กนอกจากจะจัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสิทธิเด็กและป้องกันความรุนแรงต่อเด็กแล้ว ก็ยังถือเป็นการฉลองความเป็นเด็กอย่างสนุกสนาน โดยมีกิจกรรมต่างๆ มาเอาใจหนูน้อยฟันน้ำนมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการเรียนรู้อาชีพในฝัน การสำรวจและเรียนรู้สถานที่ราชการสำคัญต่างๆ กิจกรรมลานของเล่นขนาดใหญ่ รวมถึงการมอบสินค้าและบริการฟรีในรูปแบบต่างๆ เช่น นั่งรถไฟฟรี แจกบัตรเข้าสวนสนุกฟรี เข้าเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ฟรี เที่ยวสวนสัตว์ฟรี แจกไอศกรีมฟรี ฯลฯ โดยกิจกรรมส่วนมากจะเน้นให้ความรู้คู่ความสนุกสนาน แถมสถานที่จัดงานวันเด็กบางจุดก็มีการแจกของขวัญหรือของเล่นให้น้องๆ ฟรีอีกด้วย
5. วันเด็กในต่างประเทศ
แน่นอนว่าหลายๆ ประเทศก็ให้ความสนใจจัดกิจกรรมงานวันเด็ก ซึ่งมีจุดประสงค์ที่คล้ายกัน แตกต่างกันที่วันเวลาและรูปแบบงานจัดตามความเหมาะสมของแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างวันเด็กในประเทศอื่นๆ รอบโลก ได้แก่
- วันเด็กออสเตรเลีย: มีการจัดงานวันพุธสุดท้ายของเดือนตุลาคมในทุกๆ ปี ทั้งภาครัฐและท้องถิ่นมุ่งเน้นความสนใจและตระหนัก คำนึกถึงความต้องการของเด็กและมุ่งเน้นสนับสนุนให้เด็กประสบความสำเร็จในมิติต่างๆ สำหรับปีนี้ระหว่างวันที่ 16 - 25 ตุลาคม 2020 หรือที่เรียกว่า Children’s Week จะมีการเฉลิมฉลองวันเด็กโดยเด็กๆ นับพันคนและครอบครัวทั่วประเทศ จะมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมทางโรงเรียน ห้องสมุด กลุ่มคนในชุมชน ฯลฯ มีกิจกรรมที่มากมายให้เด็กๆ ได้แสดงทักษะและความสามารถของพวกเขา
- วันเด็กญี่ปุ่น: ดินแดนอาทิตย์อุทัยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่จัดงานวันเด็กไม่เหมือนใคร ในเรื่องของประเพณีและการประดับตกแต่งเพื่อฉลองวันเด็กนั้นพวกเขาทำได้น่าสนใจ โดยประเทศญี่ปุ่นมีการจัดงานวันเด็กปีละสองครั้ง แบ่งเป็นวันที่ 3 มีนาคม สำหรับเด็กผู้หญิง และวันที่ 5 พฤษภาคมสำหรับเด็กผู้ชาย โดยวันเด็กผู้ชายจะติดธงปลาคาร์ฟไว้นอกอาคารหรือหน้าบ้าน เพื่อนำความโชคดีมอบให้เด็กๆ และเชื่อว่าปลาคาร์ฟเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งปรารถนาให้เด็กๆ กล้าหาญและไม่แบ่งแยก
ส่วนวันเด็กผู้หญิงจะเรียกว่า Hina-matsuri หรือเทศกาลตุ๊กตา จะมีการประดับตุ๊กตาฮินะบนโต๊ะบูชาที่บ้าน นอกจากนั้นยังมีการทำเค้กข้าวญี่ปุ่น (โมจิ) ทำออกมาเป็นรูปทรงคล้ายเพชรเพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลตุ๊กตาอีกด้วย และมีเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เรียกว่า Amazake ใช้ดื่มฉลองและอธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุขสุขภาพร่างกายแข็งแรง
- วันเด็ก สปป.ลาว: สำหรับประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศลาว ก็ให้ความสำคัญกับวันเด็กไม่แพ้กัน มีการจัดงานวันเด็กขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี รวมถึงเป็นวันหยุดราชการอีกด้วย เด็กๆ จะได้มีส่วนร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมการร้องเพลงและเต้นรำ โดยสวมชุดกระโปรงและเสื้อผ้าแบบดั้งเดิม นอกจากนี้จะมีกิจกรรมการรณรงค์สร้างจิตสำนึก มุ่งเน้นการปกป้องสิทธิเด็ก ช่วยให้เด็กได้รับการศึกษาที่ดีและป้องกันความยากจน การละเมิด หรือการละเลยการดูแลเด็กๆ เป็นต้น
ที่มา
https://www.bangkokbiznews.com
https://teen.mthai.com
ออกแบบและพัฒนาโดย สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา